พนักงานเก็บค่าโดยสารรถเมล์ปรับอากาศสาย 63 ปฏิเสธการรับค่าโดยสารเป็นเหรียญสตางค์ และใช้อารมณ์ในการบริการ

ประเภท: 
ร้องเรียนรถองค์การ
เวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 19 กันยายน 2558 กระผมได้ขึ้นรถโดยสารปรับอากาศ สาย 63 เลขป้ายทะเบียน 12-5151 กทม. ณ ป้ายเรวดี เพื่อจะไปเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ขณะนั้นมีพนักงานเก็บค่าโดยสารเป็นผู้หญิงมีอายุ รูปร่างอ้วน กำลังปฏิบัติหน้าที่เก็บค่าโดยสารอยู่ เมื่อพนักงานท่านนั้นเดินมาเก็บค่าโดยสารที่กระผม กระผมจึงได้สอบถามค่าโดยสาร ทางพนักงานจึงได้แจ้งค่าโดยสารว่า "11 บาท" กระผมจึงได้จ่ายค่าโดยสารเป็นเหรียญ 10 บาท หนึ่งเหรียญ เหรียญ 50 สตางค์ 1 เหรียญ และเหรียญ 25 สตางค์ 2 เหรียญ (คิดเป็นจำนวนเงิน 11 บาท) เพื่อไม่ให้พนักงานเก็บค่าโดยสารท่านนั้น ต้องเสียเวลาถอนเงิน แต่พนักงานท่านนั้นกลับมีท่าทีไม่พอใจใช้อารมณ์ ไม่ยอมรับเงิน จากนั้นก็ยื่นเงินกลับมา แล้วถามกลับมาที่กระผมว่า "จ่ายทำไม" ซึ่งกระผมก็ไม่เข้าใจ ทางพนักงานท่านนั้นก็จึงได้กล่าว(ด้วยอารมณ์)ว่าให้จ่ายเหรียญสตางค์ได้เฉพาะกับรถเมล์ร้อนเท่านั้น โดยทางเค้าอ้างว่าจะไม่สามารถนำเหรียญสตางค์ไปทอนให้กับผู้โดยสารรายอื่นๆได้ กระผมไม่อยากมีเรื่องในรถเมล์ซึ่งจะกระทบกับผู้โดยสารท่านอื่น จึงไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด และได้จ่ายเงินค่าโดยสารเป็นธนบัตร 20 บาทแทน เพราะกระผมไม่มีเหรียญอื่นแล้ว จากเหตุการณ์นี้กระผมคิดว่า เรื่องนี้เป็นกฎหรือระเบียบการใช้เหรียญที่พนักงานเก็บค่าโดยสารท่านนี้ตั้งขึ้นมาเองหรือไม่ เพราะที่ผ่านมากระผมเองก็เคยใช้เหรียญสตางค์ในการชำระค่าโดยสาร ก็ไม่พบปัญหาแต่อย่างใด ซึ่งอันที่จริงแล้วกระผมคิดว่าไม่ว่าเป็นเหรียญใดก็ควรรับเอาไว้ เพราะไม่ได้เป็นเงินปลอม และเหรียญสตางค์ก็สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย จึงไม่เป็นการสมควรที่จะปฏิเสธการรับค่าโดยสาร แต่ถ้าหากต้องการผู้โดยสารไม่ใช้เหรียญสตางค์ในการชำระค่าโดยสาร ก็ควรติดป้ายประกาศขอความร่วมมือ หรือใช้วาจาขอความร่วมมืออย่างสุภาพ ไม่ใช่การใช้อารมณ์โทสะในการพูดอย่างเช่นการพูดว่า "จ่ายทำไม" ทั้งนี้กระผมไม่ได้ต้องให้ลงโทษพนักงานท่านนั้นแต่อย่างใด ขอเพียงแต่แค่ให้ทางผู้บริหารทำความตกลงกับพนักงานเก็บค่าโดยสารทุกๆท่านให้ตรงกันเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินว่าจะเก็บแบบไหนอย่างไร จะยังรับเหรียญสตางค์หรือไม่ แล้วจัดทำเป็นระเบียบเอกสารวิธีปฏิบัติงานให้ชัดเจน และแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำ ขอบคุณครับ